5 บริษัทชั้นนำในสาย Cryptocurrency (ทั้งในไทย และต่างประเทศ)
ปัจจุบันเทรนด์การลงทุนที่ถูกพูดถึงอย่างมาก คงหนีไม่พ้น Cryptocurrency สินทรัพย์ดิจิทัลยอดฮิตประจำปี 2021 ที่มีนักลงทุนหน้าใหม่หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันมูลค่าตลาดคริปโตพุ่งสูงถึงล้านล้านดอลลาร์เลยทีเดียว ในวันนี้ GetLinks เรารวบรวม 5 บริษัทที่มีชื่อเสียงและไว้วางใจได้ ทั้งในและต่างประเทศมาให้ผู้ที่กำลังศึกษา หรือเริ่มลงทุนในสินทรัพย์ชนิดนี้มาให้ได้อ่านกัน
บริษัทระดับ Global:
1. Binance
“Binance” เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลที่มีเครือข่ายทั่วโลก และยังรองรับสกุลเงินต่าง ๆ ให้สามารถเข้ามาซื้อขายแลกเปลี่ยนได้มากมาย รวมถึงเงินบาทด้วย ซึ่งเป็นบริษัทที่มี Volume การซื้อขายสูงที่สุดในโลก แต่เส้นทางสู่การเป็นอันดับหนึ่งนั้นไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ผู้ก่อตั้ง Changpeng Zhao (CZ) และเพื่อนร่วมงานรุ่นแรกต้องเผชิญกับความท้าทายเมื่อมูลค่าของ ทำให้ Binance ต้องปรับตัว โดย CZ เป็นผู้นำในการแปลงโฉม Binance สู่การดำเนินการแบบกระจายอำนาจ (Decentralized) ด้วยทีมงานทั่วโลกที่มากความสามารถ และเขายังพัฒนา Binance สู่การเป็นตลาดแลกเปลี่ยนที่ให้บริการด้วยปริมาณสูง ค่าธรรมเนียมต่ำ และมอบประโยชน์ที่ชัดเจนแก่ผู้ใช้ เวลาเพียง 6 เดือนหลังจากเปิดตัว Binance ก็ก้าวขึ้นสู่อันดับ 1 ในตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลและยังคงอยู่ในตำแหน่งนั้นจนถึงทุกวันนี้
จุดเด่นของ Binance คือมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำมาก โดยการซื้อสกุลเงินดิจิทัลภายในแพลตฟอร์มของ Binance จะเสียค่าธรรมเนียมเพียงแค่ 0.1% ต่อครั้งเท่านั้น และยิ่งซื้อขายใน Volume ที่สูง อัตราค่าธรรมเนียมจะยิ่งถูกลงอีก อีกทั้งเหรียญ BNB ยังสามารถนำมาใช้เป็นส่วนลดค่าธรรมเนียมได้อีก 10% ซึ่งเป็น Exchange ที่มีมาตรฐานสูงติดอันดับต้นๆของโลก
Binance คือหนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ โดยทุก ๆ วันจะมี Volume เทรดใน Binance คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์จากทั่วโลก ทำให้ไม่มีปัญหาในเรื่องของสภาพคล่องซื้อขายอย่างแน่นอน
Source :
https://www.binance.com
https://www.liketradeforex.com
2. coinbase
“coinbase” เป็นแพลตฟอร์มศูนย์กลางซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นบริษัทแรกในด้านนี้ที่ได้เทรด IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์อย่างเป็นทางการ และได้รับการรับรองจากสหรัฐฯ ว่าถูกต้องตามกฏหมาย โดย coinbase ก่อตั้งขึ้นในปี 2012 โดยคน 2 คน คือ Brian Armstrong และ Fred Ehrsam พร้อมทุนสนับสนุนจาก Goldman Sachs มากถึง 1.5 แสนดอลลาร์
ในปลายปี 2012 บริษัทได้เปิดบริการซื้อขาย Bitcoin ผ่านการโอนเงินผ่านธนาคาร แต่เนื่องจากว่าแนวคิดเรื่องของเงินดิจิทัลยังไม่ได้รับความนิยม ทำให้ผลประกอบการของบริษัทค่อนข้างแย่ จากผู้ใช้บริการที่น้อยเกินไป แต่ในวงการของสตาร์ทอัพ coinbase นั้นถือเป็น “ยูนิคอร์น” ที่มีชื่อเสียงมากในวงการ Crytocurrency ทำให้ได้รับเงินทุนสนับสนุนอยู่เรื่อย ๆ
จุดเปลี่ยนของบริษัทคือช่วงต้นปี 2018 ที่ความนิยมของ Bitcoin เพิ่มสูงขึ้นมาก ทำให้บริษัทเริ่มมีรายได้มากขึ้น โดยผู้ใช้กว่า 50 ล้านรายทั่วโลก และปริมาณการซื้อขายกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ต่อไตรมาสถูกเปลี่ยนมาให้ใช้ดิจิทัลวอลเล็ตมากขึ้น และ coinbase ได้เปลี่ยนแนวคิดจากการเป็นเว็บเทรด สู่แพลตฟอร์ม ecosystem ของเงินดิจิทัล ซึ่งทำให้ปัจจุบัน coinbase มีรายได้จากธุรกิจนี้มากถึง 1.8 พันล้านดอลลาร์ และแปลงกายจาก ยูนิคอร์น ให้เป็น “มหาชน” ในตลาดหลักทรัพย์ โดย IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2021 ที่ผ่านมา
จุดเด่นของ Coinbase คือเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม มีสภาพคล่องในการซื้อขายสูงมาก รวมถึงการทำ IPO เข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ แล้วจะทำให้ตนเองเป็น Ecosystem ของสกุลเงินดิจิตอล สร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมการซื้อขายซึ่งคิดเป็น 86% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท ให้บริการ เช่น การเก็บรักษาสินทรัพย์ การชำระเงิน การออม รวมถึงการปล่อยกู้
Source : https://www.stock2morrow.com
3. Bitfinex
“Bitfinex” เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลชั้นนํา เริ่มต้นในเดือนธันวาคม 2012 และตั้งแต่นั้นมาก็ได้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างดีในขั้นต้นเริ่มเป็นแพลตฟอร์มสําหรับ Bitcoin เพียงอย่างเดียว เมื่อเวลาผ่านไปจึงเพิ่มการสนับสนุนมากขึ้นสําหรับสกุลเงินดิจิทัล โดยอนุญาตให้แลกเปลี่ยน EOS, Ethereum, Ripple, Litecoin, NEO,Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ด้วย
Bitfinex โดดเด่นในฐานะแพลตฟอร์มการซื้อขายที่เร็วที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด การซื้อขายบนแพลตฟอร์มนี้สะดวกสบายมากขึ้นเมื่อเทียบกับเว็บไซต์อื่น ๆ ที่มีการสนับสนุนและบริการตลอด 24 ชั่วโมง เป็นแพลตฟอร์มที่ดีสําหรับผู้ที่มองหาเครื่องมือการซื้อขายขั้นสูงเพื่อให้งานของพวกเขามีประสิทธิภาพและความก้าวหน้าด้านความปลอดภัยยังรับประกันความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในการลงทุนของผู้ใช้งานอีกด้วย เนื่องจาก Bitfinex เป็นหนึ่งในบริษัทการค้าและการลงทุนที่ใหญ่ที่สุด กฎระเบียบของ Bitfinex จึงจําเป็นต้องปฏิบัติตามเพื่อความปลอดภัยที่ดีที่สุด
Source: https://www.trusted-broker-reviews.com
บริษัทที่โดดเด่นในประเทศไทย
4. Bitkub
Bitkubเป็น Exchange Platform รุ่นใหม่สำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ก่อตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 โดยให้บริการเหนือระดับแก่บุคคลทั่วไป ให้สามารถซื้อ ขายและเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลได้ตามต้องการ บริษัทได้จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายด้วยทุนจดทะเบียน 290 ล้านบาท และมีที่ตั้งสำนักงานอยู่ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย
Bitkub มุ่งที่จะสร้างสะพานผสานบริการ Blockchain และ Cryptocurrency ที่ใช้งานง่ายและเป็น Exchange ที่ผู้ใช้งานทุกระดับในประเทศไทยไว้วางใจได้ เป็นครั้งแรกที่ Exchange Platform ให้บริการกระเป๋าเงิน Cryptocurrency แบบหลายสกุลเงิน อีกทั้งมีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้งานง่าย และมีตัวเลือกในการนำเงินสดสำหรับธุรกิจที่ต้องการจะพัฒนาระบบประมวลผลการชำระเงิน
จุดเด่นบนเว็บเทรด Bitkub สืบเนื่องจากเว็บเทรด Cryptocurrency Exchange ต่างแข่งขันกันเพื่อเรียกเหล่านักเทรดให้มาเทรดเป็นจำนวนมาก โดย Bitkub มีการออกแบบระบบให้ออกมาใช้งานได้ง่ายเพื่ออำนวยสะดวกแก่เหล่านักเทรด อีกทั้งทีมงานของ Bitkub มีการ support ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถช่วยเหลือแก้ปัญหาผู้ใช้งานได้ตลอด ตอบรวดเร็วทันใจ คติประจำเว็บไซต์คือ “ความสำคัญอันดับแรกของเราคือพวกคุณ” และมีการันตี ฝาก/ถอน ได้รวดเร็วซึ่งเป็นบริการที่นักเทรดต้องการมากที่สุด เรื่องเกี่ยวกับเงิน หรือ ผลกำไรการเข้าเทรดในช่วงเวลาต่าง ๆ นักเทรดจำเป็นมากที่ต้องฝากหรือถอนเหรียญได้อย่างรวดเร็ว
Source:
https://www.topicbitcoin.com
https://www.bitkub.com
5. Dopple Finance
“Dopple Finance” เป็นแพลตฟอร์มที่ทำหน้าที่หลักเป็น Exchange แลกเปลี่ยนเหรียญ Stablecoin เหรียญที่มีสเถียรภาพในระบบสกุลเงินดิจิทัล เพราะอิงราคาจาก USD (ดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งเป็นเหรียญสำคัญที่ใช้งานในแพลตฟอร์มใหญ่ ๆ อย่าง Binance, Pancakeswap, DeFi ต่างๆ โดยการแลกเหรียญที่ Dopple จะมีราคาเรทแลกเหรียญ stablecoin ที่ดีที่สุดในตอนนี้ มีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 0.045% ต่อการแลกเปลี่ยนเท่านั้น
จุดเด่นของของDopple Finance คือการแลกบน Dopple Finance นั้นทำการแลกได้ทั้ง USDT, BUSD, DAI, USDC, UST เมื่อคุณจะทำการแลกเปลี่ยนก็สามารถเลือกได้ว่าจะแลกผ่านระบบไหน ระบบจะมีการแสดงราคาเปรียบเทียบให้ว่า Dopple ตอนนี้ราคาเป็นอย่างไร และเจ้าอื่น ๆ เป็นอย่างไร ทำให้มีความสะดวกสบาย และใช้งานง่าย ในส่วนของการฟาร์มบน Dopple ก็คือ $DOP ที่มีโอกาสจะมีมูลค่าสูงขึ้นได้อีก รวมไปถึงมีฟาร์มที่เป็น stablecoin อยู่พอสมควร อาจช่วยทำให้ไม่เสีย Impermanent Loss เยอะ ผลตอบแทนก็ค่อนข้างน่าพอใจ ซึ่งต้องเข้าไปดูในหน้าเว็บเอง เนื่องจากระบบ คำนวณบนหน้าเว็บตลอดเวลา
Source: https://gelending.com
ทั้งหมดนี้คือ 5 บริษัทที่ให้บริการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล ที่มีชื่อเสียงและไว้วางใจได้ทั้งในและต่างประเทศ เทรดเดอร์ทั้งหลายสามารถพิจารณาและเลือกบริษัทที่ตนไว้วางใจที่จะใช้เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายได้เลย และ เพื่อบรรลุเป้าหมายการลงทุน รวมถึงได้ผลตอบแทนตามที่คาดหวัง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนเริ่มลงทุน
