7 ทักษะจำเป็นสำหรับ Software Developer

 หากคุณเป็น software developer ที่ไม่ยอมพัฒนาทักษะด้านอารมณ์ ก็อาจพลาดตำแหน่งดีๆ กับเงินเดือนที่สูงที่สุดได้

เมื่อพูดถึงการสมัครงานในตำแหน่งนักพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือ software developer ผู้สมัครส่วนใหญ่ต่างพยายามชูทักษะด้านความรู้ให้โดดเด่น  แต่หลายครั้งก็ลืมนึกถึงสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก นั่นคือคุณค่าของทักษะด้านอารมณ์นั่นเอง

บริษัทด้านเทคโนโลยีหลายพันแห่ง เลือก GetLinks ให้เป็นผู้ช่วยในการเฟ้นหา software developer เหล่านี้ พวกเขาบอกเราว่า พบช่องโหว่ขนาดใหญ่อันน่าผิดหวังเกี่ยวกับทักษะด้านอารมณ์ในตลาดแรงงาน ขณะที่ทักษะด้านความรู้นั้นเติบโตอย่างรวดเร็วในเรื่องของนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี ทักษะด้านอารมณ์กลับเติบโตอย่างคงที่ การเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีทักษะด้านอารมณ์โดดเด่น จะทำให้ผู้สมัครคนนั้นก้าวไปอยู่ในอีกขั้นเมื่อเทียบกับการแข่งขันที่มีอยู่

แม้ว่าทักษะด้านอารมณ์จะไม่อยู่ในความสนใจมากนัก แต่รู้ไหมว่ามันสามารถสร้างความแตกต่างระกว่าง “การได้งานที่ดี” กับ “การได้งานที่ยอดเยี่ยม” ได้ มาดูกันเถอะว่ามีทักษะไหนที่เราควรเรียนรู้ไว้ และทำไม? 

ต่อไปนี้คือ 7 ทักษะด้านอารมณ์ที่คุณควรให้ความสนใจ เพื่อเพิ่มมูลค่าในตลาดและเปิดประตูทุกบานให้ตัวเอง

การสื่อสาร

ทักษะเรื่องการสื่อสารมักมาเป็นอันดับแรกเมื่อพูดถึงคนที่ทำงานด้านเทคโนโลยี เพราะมันเป็นสิ่งที่สำคัญมากแต่กลับถูกละเลยเป็นประจำ คำต่างๆ อย่างเช่น CSS, ภาษาในเชิงวัตถุ, ส่วนหน้าบ้าน และอื่นๆ หากเป็นผู้ร่วมสายงานก็จะเข้าใจได้อย่างง่ายดายทันที แต่สำหรับผู้อื่นมันเป็นภาษาต่างดาว (แน่ๆ) ดังนั้นถ้าคุณสามารถช่วยลดช่องว่างและอธิบายคำเหล่านี้ให้คนต่างแผนกฟังได้ ก็ถือว่าเป็นทักษะอันใช้งานได้จริงที่ควรมีทีเดียว

ด้วยความที่ software developer นั้นต้องวนเวียนอยู่กับคนหลากหลายตำแหน่งหน้าที่ พวกเขาจึงจำเป็นต้องประสานเข้ากับทุกคนได้เพื่อให้ผลงานออกมาสำเร็จ

ไม่สำคัญเลยว่า คุณจะมองตัวเองเป็นพวกชอบเข้าสังคม หรือชอบอยู่อย่างสันโดษ ขอแค่สร้างความมั่นใจให้ตัวเอง เปล่งเสียงแสดงความเห็นออกมาอย่างสร้างสรรค์ คุณก็สามารถสื่อสาร เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น และน่าเชื่อถือได้แล้ว

สิ่งที่คุณทำได้:

  • ระวังน้ำเสียงในการเขียน: กว่า 93 เปอร์เซนต์ของการสื่อสารเป็นการสื่อสารแบบไม่ใช้คำพูด ดังนั้น การต้องพึ่งทักษะสื่อสารด้วยการเขียนจึงเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา อย่าลืมอ่านทบทวนอีกรอบก่อนกดส่งดูนะ!
  • พยายามพูดแทนการพิมพ์: เพื่อหลีกเลี่ยงการสื่อสารผิดพลาด ประหยัดเวลาและยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ ฝึกการเผชิญหน้าอีกด้วย
  • พูดให้กระชับและตรงประเด็น: แทนที่จะไปคุยต่อหน้าแบบไม่ได้เตรียมตัว, เสี่ยงจะพูดออกนอกประเด็น ให้ย่นประเด็นหลักมาเป็นหัวเรื่อง หรือเป็นท่อนเปิดที่คุณสามารถพูดต่อได้ แล้วค่อยอธิบายรายละเอียดหากจำเป็น

เป็นผู้ฟังที่ดี

การจะเป็นผู้สื่อสารที่ดีได้ คุณต้องเป็นผู้ฟังที่ดีด้วย ไม่ใช่เป็นผู้ฟังที่ดูลุกลี้ลุกลน เบื่อ หรือไม่มีสมาธิ รอบตัวเราเต็มไปด้วยสิ่งที่รบกวนสมาธิ จำได้ไหมว่าครั้งสุดท้ายที่คุณคุยโทรศัพท์โดยไม่ทำอย่างอื่นไปด้วยคือเมื่อไหร่? ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องจำไว้เสมอว่า ต้องมีเวลาที่เราฟังแค่อย่างเดียวด้วย

กล้าพูดเมื่อคุณไม่เข้าใจสิ่งที่กำลังฟังอยู่ ถามเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน หรือไม่ก็ลองโยนคำถามที่ผู้พูดจะสามารถอธิบายหรือช่วยชี้แจงรายละเอียดได้ โดยเฉพาะกับพูดคุยในเรื่องที่ซับซ้อนเกี่ยวข้องกับหลายโครงสร้าง การพูดทวนโครงสร้างเหล่านี้บ้างก็เป็นเรื่องที่ช่วยได้ เพราะจะทำให้ผู้พูดเห็นว่าคุณไม่ได้ฟังอย่างเดียว แต่คุณยังเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาต้องการสื่ออีกด้วย

สิ่งที่คุณทำได้:

  • ถามคำถาม: การเป็นผู้ถามก่อน คือวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้และเปลี่ยนตัวเองให้เป็นผู้ฟังที่ดีขึ้น
  • ตัดสิ่งรบกวนออกไป: ปิดเสียงโทรศัพท์ และลบโซเชียลมีเดียที่ไม่จำเป็นในโทรศัพท์ออกไปบ้าง วิธีนี้จะช่วยให้คุณมีสมาธิมากขึ้น และเป็นผู้ฟังที่ดีขึ้นได้

ความคิดสร้างสรรค์

เหตุผลที่ต่อมความคิดสร้างสรรค์ของคุณขยายขอบเขตออกไปมากขึ้นเมื่อคุณเรียนรู้ที่จะประมวลผล ก็คือ คุณได้ครอบครองเครื่องมือที่สร้างเกือบทุกอย่างที่ต้องการแล้ว ไม่ว่าคุณเรียนรู้ที่จะสร้างวิดีโอเกม โปรแกรมเสมือนจริง หุ่นยนต์ หรือเว็บไซต์ ขอบเขตความเป็นไปได้นั้นก็ไม่มีที่สิ้นสุด

ไอเดียหรือทางออกที่ดีที่สุด มักเกิดขึ้นตอนที่เราเข้าหาสิ่งเหล่านั้นในแง่มุมที่ต่างออกไปและชัดเจนน้อยลง นี่คือสิ่งที่แยกคนมีความคิดสร้างสรรค์ที่สุด ตั้งแต่โปรแกรมเมอร์ ไปจนถึงผู้ประกอบการ หรือนักเขียน ออกจากคนอื่นๆ

สิ่งที่คุณทำได้:

  • อ่านหนังสือนิยาย: หลายๆ คนไม่อ่านนิยายเพราะมันดูเหมือนการหนีจากความเป็นจริงและเสียเวลา แต่งานวิจัยกลับแสดงให้เห็นว่า การอ่านหนังสือนิยายสามารถช่วยพัฒนาเรื่องความจำ คำศัพท์ และความสามารถในการระบุรูปแบบและสร้างความเชื่อมโยงได้
  • สร้างทีมที่มีความหลากหลาย: ยิ่งมีความหลากหลายในทีมมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้ไอเดียจากแต่ละคนมากขึ้นเท่านั้น ลองจับเอาโปรแกรมเมอร์ภาษาจาวา มาอยู่กับโปรแกรมเมอร์ .Net, หรือจับมืออาชีพมาร่วมทีมกับเด็กจบใหม่ อย่างเว็บเอา web developer มาอยู่กับเมนเฟรมเมอร์ก็ไม่เลว

การทำงานเป็นทีม

ณ จุดหนึ่งของอาชีพนักพัฒนา คุณจะต้องทำงานเป็นส่วนหนึ่งของทีมถึงแม้จะทำงานจากทางไกลก็ตาม แน่นอนว่าคงไม่มีใครในทีมที่อยากติดแหง็กอยู่กับเพื่อนร่วมทีมที่ไม่เข้าขากันแน่ๆ

แม้ว่าตำแหน่งนักพัฒนาจะใช้เวลาส่วนใหญ่ของวันไปกับการทำงานคนเดียว แต่ทว่าการทำงานร่วมกันในฐานะทีมก็เป็นเรื่องจำเป็น เพราะบ่อยครั้งนั่นคือวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างผลงานที่สอดคล้องกัน เมื่อเราดำเนินการอย่างถูกต้องและให้ความสำคัญกับโปรเจคท์พัฒนาซอฟต์แวร์นี้ การทำงานเป็นทีมก็อาจสร้างประโยชน์มากมายต่องานที่กำลังทำอยู่ได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรมให้เกิดขึ้นได้

ไม่ว่าจะเป็นทีมดีไซน์เนอร์ หรือทีมใหญ่ทั้งโปรเจคท์ นักพัฒนาก็ต้องทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดีเพื่อให้งานนั้นสำเร็จลุล่วง

สิ่งที่คุณทำได้:

  • สร้างพื้นที่สำหรับทำงานร่วมกัน: ไม่มีใครอยากใช้เวลาทั้งวันไปกับการเข้าออกห้องประชุม แต่อย่าลืมว่าเราต้องส่งเสริมการทำงานเป็นทีมด้วย ลองใช้แนวคิดแบบอไจล์หาโอกาสในการทำงานเป็นทีมให้กับงานของคุณ
  • สร้างความสัมพันธ์: ให้เวลาเพื่อสร้างความเชื่อใจกับเพื่อนร่วมทีม ด้วยการออกไปทานข้าวหรือสังสรรค์กันบ้าง การกระชับความสัมพันธ์เหล่านี้ยังช่วยให้เกิดบรรยากาศการทำงานดีขึ้น แถมการสังสรรค์อาจจะทำให้คุณได้ขยายเครือข่ายของตัวคุณเอง
  • ใช้เทคโนโลยี: ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่มี อย่าง Slack, G Suite, Trello และ Jira ก็เป็นวิธีที่ดีในการกระตุ้นความเป็นทีมเวิร์คและทำงานร่วมกันแบบออนไลน์

การบริหารเวลา

ทักษะด้านการบริหารเวลา ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในทักษะด้านอารมณ์หลักๆ ที่มีค่ามากในที่ทำงาน นายจ้างก็ต้องการพนักงานที่สามารถริเริ่มได้ ตัดสินใจในทางธุรกิจอันเป็นเหตุเป็นผล และสามารถลำดับความสำคัญของงานได้อย่างอิสระ การบริหารเวลาที่มีประสิทธิภาพนั้นส่งเสริมทักษะด้านการจัดการที่ดี, ทักษะด้านการตัดสินใจ, ความสามารถในการทำงานภายใต้แรงกดดัน รวมถึงความตรงเวลาได้ 

การไม่ให้ความสนใจกับบางสิ่งอย่างเต็มที่ นั่นหมายความว่าคุณต้องใช้เวลามากขึ้นเพื่อให้งานสำเร็จ และหมายความว่าคุณอาจทำพลาดมากขึ้นด้วย แต่หากคุณต้องทำงานหลายอย่างบ่อยๆ ลองจัดทำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำ แล้วคุณจะแปลกใจกับหน้าที่ต่างๆ ที่สำเร็จอย่างรวดเร็วเมื่อคุณให้ความสนใจกับมันอย่างเต็มที่!

สิ่งที่คุณทำได้:

  • การวางแผนคือทุกสิ่ง: เมื่อสร้างซอฟต์แวร์  การทำวิจัยอาจกินพลังงานในตัวคุณไปกว่า 80% ขณะที่อีก 20% ถูกใช้เพื่อทำงานให้สำเร็จ แม้ว่าการวางแผนจะไม่ได้กินเวลามากขนาดนั้น แต่มันก็เป็นสิ่งสำคัญพอๆ กับการวิจัยเพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์เลยทีเดียว
  • จับกลุ่มงานที่ต้องทำเข้าด้วยกัน: ในการวางแผนแต่ละวัน ลองจับกลุ่มงานที่มีจุดประสงค์สำคัญเข้าด้วยกัน วิธีนี้จะช่วยให้เราไม่ต้องเจอกับรายการสิ่งที่ต้องทำอันยืดยาวน่าเบื่อ และช่วยให้คุณโฟกัสที่ภาพกว้างได้
  • ทั้งหมดเป็นเรื่องของเทคนิค: เทคนิคต่่างๆ อย่างการจัดเวลาแบบ Pomodoro หรือระบบ Kanban เป็นวิธีที่ดีในการทำให้เป็นกิจวัตร หรือเรียนรู้วิธีโฟกัสความสนใจหากคุณเป็นคนชอบทำอะไรหลายอย่างพร้อมกัน

การแก้ปัญหา

งานของโปรแกรมเมอร์ คือการแก้ปัญหาด้วยการสร้างและปรับแต่งอุปกรณ์ทางซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นเรื่องของทั้งการแก้ปัญหาแบบภาพรวม และในรายละเอียดว่าจะทำให้มันเกิดขึ้นจริงได้อย่างไร

ความสามารถในการแตกปัญหาใหญ่ให้ออกเป็นส่่วนเล็กๆ  แล้วแก้ไปทีละส่วนนั้นต้องใช้การฝึกฝนอย่างมาก การเป็นคนมีความสามารถในการแก้ปัญหาจะช่วยให้คุณเป็นโปรแกรมเมอร์ที่เก่งขึ้นได้ ทั้งนี้ ปัญหาส่วนใหญ่ยังมีทางออกมากกว่าหนึ่งอีกด้วย

ส่วนใหญ่แล้ว งานของเราในฐานะ software developer คือการทบทวนวิธีแก้ปัญหาหลายๆ ทางแล้วเลือกอันที่ดีที่สุด ทางนี้จะสำเร็จเร็วกว่าไหม? หรืออันนี้จะมีประสิทธิภาพมากกว่า? หรือแบบนี้จะใช้งบน้อยกว่า? ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นคำถามที่สำคัญ และการเลือกทางออกที่ถูกต้องก็เป็นเรื่องท้าทาย แต่ถือว่าเป็นส่วนที่สำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ทีเดียว

สิ่งที่คุณทำได้:

  • รวบรวมข้อมูลทั้งหมด: ต้องแน่ใจว่าคุณเข้าใจทั้งหมดอย่างถ่องแท้แล้ว เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่คุณสร้างนั้นตรงกับทุกความต้องการของลูกค้า
  • นี่คือขั้นตอนที่คุณสามารถใช้เพื่อแตกปัญหาใหญ่ให้เป็นปัญหาที่เล็กลงเป็นข้อๆ ซึ่งเป็นวิธีในการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์โดยการเขียนฟังก์ชั่นทั่วไปขึ้นมาก่อน แล้วแตกแต่ละฟังก์ชั่นออกเป็นรายละเอียดที่จะได้รับการจัดการในขั้นตอนต่อไป จนกว่าทั้งโปรแกรมถูกกำหนดอย่างสมบูรณ์
  • คิดตรึกตรอง: ให้เวลากับตัวเองในการทบทวนวิธีได้มาซึ่งทางออกของปัญหา หากคุณมีสมุดอยู่ใกล้ๆ ก็อย่าลืมจดลงไป เพื่อที่คุณจะะสามารถกลับมาอ่านได้เมื่อต้องดำเนินการอะไรสักอย่าง

ความสามารถในการปรับตัว

ความสามารถในการรปรับตัว อยู่ในรายการลำดับต้นๆ เมื่อพูดถึงทักษะด้านอารมณ์ที่สำคัญสำหรับเรซูเม่มานานแล้ว และไม่น่าแปลกใจที่การว่าจ้างผู้จัดการยังถูกมองเป็นเรื่องจำเป็น เพราะมันแสดงให้พวกเขาเห็นว่า คุณสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมของการพัฒนาได้ โดยไม่คำนึงว่าพื้นเพของคุณจะเป็นอย่างไร 

การเขียนโปรแกรมยังคงเป็นเรื่องใหม่อยู่ และมันก็พัฒนาอย่างรวดเร็วมากๆ ดังนั้น ความสามารถในการปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลงให้ได้จึงเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อมีเฟรมเวิร์ค ไลบรารี่ หรือภาษาใหม่ๆ เข้ามาแทนที่ จึงถือเป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณต้องเรียนรู้มันให้ได้ (แน่นอนว่าต้องอยู่ภายใต้เหตุผลด้วย)

สิ่งที่คุณทำได้: 

  •  หยุดคร่ำครวญ: ไม่มีใครชอบคนที่เอาแต่บนโอดโอยหรอกนะ! ลองตอบสนองความเปลี่ยนแปลงในที่ทำงานด้วยการหาข้อดีและโอกาสต่างๆ ดูสิ
  • คุยกับตัวเอง: การคุยกับตัวเองและร่ายคาถาดูบ้างจะช่วยให้คุณปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงได้เร็วขึ้น บอกใจให้ยอมรับและโอบกอดความเปลี่ยนแปลงนั้นด้วยการบอกตัวเองว่าคุณอยากเชื่อมั่นในอะไร
  • ถามหาฟีดแบ็ค: กระตุ้นให้เกิดวัฒนธรรมของการมีฟีดแบ็คบ่อยๆ และนำไปดำเนินการต่อได้

สรุป

ทักษะต่างๆ ที่ว่ามานี้ มักถูกเรียกว่าเป็น “ทักษะด้านอารมณ์” แต่นั่นก็เป็นเพียงส่วนย่อเท่านั้น ยังมีสิ่งที่สำคัญกว่าการรู้ภาษาเฉพาะหรือเฟรมเวิร์คอีกมาก เพราะยังมีอะไรอีกมากมายแม้กระทั่งเรื่องนอกเหนือจากเทคโนโลยี   

ถึงแม้มันจะเป็นนเรื่องยาก แต่ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ในการที่จะแสดงออกหรือพัฒนาทักษะด้านการปฏิสัมพันธ์ของคุณ และหากคุณมองแต่ละทักษะนี้เป็นพฤติกรรมแล้ว มันก็ช่วยได้ดีทีเดียว

การเปลี่ยนพฤติกรรม หรือนิสัยนั้น จะส่งผลต่อทั้งในแง่การพัฒนาหรือแม้แต่กับทักษะที่เกี่ยวข้อง และนี่คือสิ่งที่คุณควรจะโฟกัสให้มากเท่ากับที่คุณโฟกัสในการพัฒนาทักษะด้านเทคนิค

การแสดงออกและพัฒนาทักษะทางด้านอารมณ์เหล่านี้ ถึงแม้จะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ซึ่งมันช่วยได้จริงๆ หากคุณมองแต่ละทักษะให้เป็นการสะสมพฤติกรรม การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือนิสัยใดๆ ก็ตาม จะส่งผลไม่แง่ของการพัฒนาก็ส่งผลต่อทักษะที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนี่คือสิ่งที่คุณควรให้ความสนใจมากพอๆ กับที่อยากพัฒนาทักษะทางด้านความรู้เลยทีเดียว

 

 

 

เริ่มออกแบบอาชีพของคุณตั้งแต่วันนี้เลย

อย่ามัวแต่รอให้โอกาสเข้ามาหา คุณสามารถเข้าหาโอกาสดีๆ ได้ด้วยตัวเอง! เราพร้อมช่วยเหลือในก้าวแรกบนหนทางสู่การผจญภัยในอนาคตของคุณ มาออกตามหาโอกาสทางอาชีพใหม่ๆ บนความก้าวหน้าและนวัตกรรมที่ทันสมัย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ GetLinks ตั้งแต่วันนี้เลย!

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x