ตลอดหลายปีที่ผ่านมาการวัดระดับการมีส่วนร่วม และความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน มักใช้วิธีการทำแบบสอบถามประจำปี หรือทำการสำรวจเป็นรายไตรมาส ซึ่งแม้ว่าวิธีเหล่านี้จะทำให้มองเห็นถึงสภาพความเป็นอยู่โดยรวมของพนักงานในองค์กร แต่ก็มักเป็นเพียง “ตัวชี้วัดตามหลัง” (Lagging Indicator) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลลัพธ์จากปัญหาต่าง ๆ ที่ได้เกิดขึ้นแล้ว แต่ในปัจจุบันคลื่นลูกใหม่อย่าง AI-powered Solutions ได้เข้ามาช่วยให้ HR ก้าวข้ามการวัดผลแบบคงที่นี้ โดยการวิเคราะห์ข้อมูลที่หลากหลายแบบ Real-time ยิ่งไปกว่านั้น AI ยังสามารถให้มุมมองที่ละเอียด สามารถคาดการณ์ล่วงหน้า และสามารถดำเนินการเชิงรุก เพื่อสนับสนุนพนักงานในเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพจิต หรือความพึงพอใจโดยรวมต่องานที่รับผิดชอบ

วิเคราะห์เชิงรุก : พลังของ AI ที่มากกว่าการทำแบบสอบถาม

แทนที่จะถามพนักงานว่า “รู้สึกอย่างไร” หลังจากเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ เราสามารถใช้ AI ช่วยให้ HR ได้ทราบ และเข้าใจถึง “วิธีการ” (How) และ “สาเหตุ” (Why) ได้อย่างต่อเนื่อง และละเอียดอ่อนมากขึ้น AI ยัง สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตน และสามารถรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งเพื่อค้นหารูปแบบ และ ความรู้สึก ที่การตอบแบบสอบถามทั่วไปมักไม่สามารถให้คำตอบได้ ตัวอย่างเช่น

การวิเคราะห์ความรู้สึก (Sentiment Analysis)
AI ใช้การประมวลผลภาษาธรรมชาติ หรือ Natural Language Processing (NLP) ทำให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่ไม่มีการจัดเรียงโครงสร้างที่ชัดเจน ซึ่งมาจากช่องทางการสื่อสารภายในขององค์กร อย่าง Slack หรือ Microsoft Teams โดยการพิจารณาจาก คีย์เวิร์ด น้ำเสียง และความถี่ในการสื่อสาร ซึ่งช่วยให้สามารถวัดระดับขวัญกำลังใจของทีม และระบุแนวโน้มความรู้สึกของทีมโดยรวมได้โดยที่ไม่ต้องไปสอบถามเป็นรายบุคคล ตัวอย่างเช่น หากพบว่าการใช้คำอย่าง “เครียดมาก” หรือ “ต้องการความช่วยเหลือ” เพิ่มขึ้นในแผนกใดแผนกหนึ่ง อาจเป็นสัญญาณว่าระดับความเครียดภายในองค์กรกำลังสูงขึ้น

การคาดการณ์ภาวะหมดไฟ (Burnout) และอัตราการลาออก (Turnover)
AI สามารถวิเคราะห์รูปแบบการทำงาน เช่น การทำงานดึกบ่อยขึ้น การทำงานร่วมกันกับทีมที่ลดลง หรือแม้แต่ผลลัพธ์ของการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งเหล่านี้มักเป็นสัญญาณเตือนเบื้องต้นของภาวะหมดไฟ การระบุถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเหล่านี้ ช่วยให้ AI สามารถแจ้งเตือนผู้จัดการ หรือฝ่าย HR ให้เข้ามาพูดคุย และให้ความช่วยเหลือพนักงาน ก่อนที่จะมีการลาออกเกิดขึ้น

มาตรการช่วยเหลือเฉพาะบุคคล (Personalized Interventions)
เมื่อมีการระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้แล้ว AI สามารถแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม เช่น แทนที่จะส่งอีเมลหัวข้อ “การจัดการความเครียด” ไปให้ทั้งบริษัท AI อาจแนะนำแหล่งข้อมูลด้านสุขภาพจิต คอร์สเรียนระยะสั้นเกี่ยวกับการจัดการเวลา หรือจัดพื้นที่พักผ่อนเงียบ ๆให้กับพนักงานที่ทำงานหนักเป็นพิเศษ โดยปรับให้เหมาะกับพนักงานแต่ละคน ทำให้การช่วยเหลือได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ

มุมมองของผู้เชี่ยวชาญ : การรับมือกับประเด็นด้านความเป็นส่วนตัวและจริยธรรม

การใช้ AI ในประเด็นที่ค่อนข้างอ่อนไหว ต้องยึดมั่นในหลักจริยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยมีเป้าหมาย คือ ต้องการที่จะ “สนับสนุน” ไม่ใช่ “ตรวจสอบ” ดังนั้นฝ่าย HR ต้องมีความรอบคอบ และความโปร่งใสในการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ ซึ่งทำได้โดย

ให้ความสำคัญกับการไม่เปิดเผยตัวตน และการรวมข้อมูล
หลักสำคัญพื้นฐานของการใช้ AI อย่างมีจริยธรรมเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี คือ ความนิรนามเต็มรูปแบบ ไม่ควรใช้ข้อมูลที่เก็บรวบรวมมา เพื่อประเมิน หรือดำเนินการทางวินัยกับพนักงานรายบุคคล แต่ควรให้ความสำคัญกับส่วนรวม เช่น เข้าใจความเป็นอยู่ของทีม หรือของทั้งแผนก โดยฝ่าย HR ต้องมั่นใจว่าเครื่องมือ AI ที่เลือกใช้มี มาตรการป้องกันในตัว เพื่อไม่ให้เกิดการเปิดเผยตัวตนของพนักงาน

ความโปร่งใส และความไว้วางใจ
การสร้างความไว้วางใจเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้ ก่อนที่จะมีการนำเครื่องมือ AI ใด ๆ มาใช้ ฝ่าย HR ต้องชี้แจงอย่างโปร่งใสกับพนักงานว่าข้อมูลส่วนใดบ้างที่จะถูกเก็บ มีการใช้งานข้อมูลเหล่านั้นอย่างไร และมีมาตรการป้องกันอย่างไร ควรกำหนดนโยบายให้ชัดเจนว่าข้อมูลเหล่านี้นี้มีไว้เพื่อทำการวิเคราะห์ในภาพรวมเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อการประเมินผลงานส่วนบุคคล และควรเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถปฏิเสธการเข้าร่วมได้

หลีกเลี่ยงอคติจากอัลกอริทึม
ข้อมูลในอดีตมักมีอคติในตัว หาก AI ถูกฝึกจากข้อมูลเหล่านี้ อาจทำให้เกิดการเชื่อมโยงที่ผิด เช่น การมองว่ากลุ่มประชากรบางกลุ่มมีความเสี่ยงลาออกสูงกว่า ทั้งที่ไม่เป็นความจริง HR จึงต้องทำงานร่วมกับทีมเทคนิค และผู้ให้บริการ AI เพื่อทำการตรวจสอบเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบมีความยุติธรรม ปราศจากอคติ และสอดคล้องกับกฎการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

หากมีการสร้างสมดุลในการใช้ AI อย่างระมัดระวังโดยยึดกรอบจริยธรรมเป็นสำคัญ HR จะสามารถเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ในการดูแลความเป็นอยู่ของพนักงาน จากเดิมที่ใช้การทำแบบสอบถามเชิงรับ มาเป็นกลยุทธ์เชิงรุกที่ใช้ข้อมูลขับเคลื่อน ซึ่งจะเป็นการช่วยสนับสนุนให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างแท้จริง

และถ้าคุณอยากรู้ว่า AI จะช่วยให้ทั้งการหางาน และการหาคนง่ายขึ้นแค่ไหน ลองใช้ GetLinks AI’s Resume Clinic และ Mock Interview ได้เลย !