ทำอย่างไรให้เรซูเม่ของคุณชนะใจทั้ง AI และ HR
การสมัครงานในทุกวันนี้ เรซูเม่ของคุณอาจไม่ได้ถูกส่งไปให้กับ HR ที่เป็นมนุษย์ แต่ถูกส่งไปยังหุ่นยนต์ หรือบอตที่เรียกว่า ระบบติดตามผู้สมัคร (Applicant Tracking System: ATS) ซึ่งเป็นระบบ AI ที่หลายบริษัทใช้คัดกรองเรซูเม่ของผู้สมัคร โดย ATS ทำหน้าที่เป็นเหมือน “ผู้เฝ้าประตูดิจิทัล” ที่คอยคัดกรองผู้สมัครที่ไม่ผ่านเกณฑ์ออกไปก่อนที่ HR หรือ Recruiter จะเห็นใบสมัคร ซึ่งถ้าคุณอยากให้เรซูเม่ของคุณผ่านด่านแรกนี้ไปได้ คุณควรที่จะทำความเข้าใจว่าระบบนี้ทำงานอย่างไร และต้องปรับเรซูเม่ของคุณอย่างไรเพื่อให้มันไปถึงมือของ HR
ทำความเข้าใจ ATS กันหน่อย
เพราะ ATS ไม่ใช่มนุษย์ มันจึงไม่ได้ “อ่าน” เรซูเม่เหมือนอย่างที่มนุษย์ทำ แต่มันจะสแกนเอกสารของคุณเพื่อหาข้อมูลเฉพาะและให้คะแนนตามความตรงกันกับ Job Description โดยระบบจะแบ่งข้อมูลจากเรซูเม่ของคุณออกเป็นกลุ่ม เช่น ชื่อ ข้อมูลติดต่อ ประวัติการทำงาน และทักษะ จากนั้นจะตรวจสอบสิ่งสำคัญ 3 อย่างนี้
คีย์เวิร์ด
ฟังก์ชันหลักของ ATS คือจับคู่คีย์เวิร์ดจาก Job Description กับเรซูเม่ของคุณ โดยมองหาจากทักษะ เครื่องมือ ใบรับรอง และคำศัพท์เฉพาะต่าง ๆ ที่คุณได้ใส่ไว้
รูปแบบ
ระบบต้องการรูปแบบการเขียนที่สะอาดและสามารถคาดการณ์ได้ เพื่อที่จะประมวลผลข้อมูลได้ถูกต้อง หากเรซูเม่ของคุณเต็มไปด้วยกราฟิกซับซ้อน กล่องข้อความ หรือฟอนต์แปลก ๆ ระบบก็อาจอ่านข้อมูลของคุณไม่ได้เลย
เนื้อหาและโครงสร้าง
AI ของ ATS จะมองหาประวัติการทำงานที่ชัดเจนตามลำดับเวลาและหัวข้อที่เป็นมาตรฐานเช่น “Experience” (ประสบการณ์), “Skills” (ทักษะ) และ “Education” (การศึกษา) เพื่อที่จะเข้าใจเส้นทางอาชีพของคุณ
เคล็ดลับเอาชนะบอต
และนี่คือวิธีที่จะทำให้เรซูเม่ของคุณเอาชนะใจได้ทั้งกับมนุษย์และกับบอท
ใช้คีย์เวิร์ดให้ถูกต้อง
ถ้าคุณต้องการสมัครงานตำแหน่งไหน อ่าน Job Description อย่างละเอียด และไฮไลต์ที่ทักษะ คุณสมบัติ และความรับผิดชอบที่สำคัญที่สุด แล้วใส่คีย์เวิร์ดเหล่านั้นลงไปในเรซูเม่ ตัวอย่างเช่น ถ้าใน Job Description มีคำว่า “customer relationship management (CRM) software” อย่าใส่แค่คำว่า “managing customer interactions” แต่ให้ใส่คำว่า “CRM software” ลงไปเลย ซึ่งควรใส่ทั้งชื่อเต็มและตัวย่อ เช่น “SEO” และ “Search Engine Optimization” รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้จะเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้ AI สามารถจับคู่เรซูเม่ของคุณเข้ากับงานที่ต้องการได้
Simple is Best ยังเวิร์กอยู่
จำไว้เลยว่าเรซูเม่รูปแบบมาตรฐานนี่แหละเวิร์กสุด ระบบ ATS อาจสับสนถ้าเรซูเม่ของคุณมีการใช้ตารางหรือกราฟที่ซับซ้อน กราฟิกที่เยอะจนล้น และมีการวางเลย์เอาต์ที่ไม่เป็นระเบียบ การใช้เรซูเม่รูปแบบปกติและใช้ฟอนต์ทั่วไป เช่น Arial, Calibri หรือ Times New Roman จึงถือเป็นเซฟโซนในการสมัครงาน อีกเรื่องที่สำคัญคืออย่าลืมบันทึกไฟล์เป็น PDF เพราะเป็นสกุลไฟล์ที่ระบบ ATS ส่วนใหญ่สามารถวิเคราะห์ได้ และมีปัญหาน้อยที่สุด
ใช้โครงสร้างและภาษาที่ง่ายต่อการเข้าใจ
โครงสร้างเนื้อหาและการเลือกใช้คำในการเขียนเรซูเม่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่าที่คุณคิด ใช้หัวข้อที่ชัดเจนและเป็นทางการ เช่น “Summary” (สรุป) “Work Experience” (ประสบการณ์ทำงาน) “Skills” (ทักษะ) “Education” (การศึกษา) และหลีกเลี่ยงการใช้หัวข้อที่สร้างสรรค์เกิน เช่น “My Journey” หรือ “What I’ve Done” เพราะจะทำให้ ATS มีข้อผิดพลาดในการจับคีย์เวิร์ด ควรจัดลำดับประสบการณ์จากล่าสุดไปเก่าสุด เพื่อให้ง่ายต่อการติดตามประวัติการทำงาน และใช้สัญลักษณ์แสดงหัวข้อ เช่น Bullet Points ในการบรรยายหน้าที่งานที่คุณได้ทำโดยเริ่มแต่ละข้อด้วยการใช้คำกริยา การทำแบบนี้จะช่วยให้เรื่องราวบนเรซูเม่ของคุณอ่านง่ายและน่าติดตาม ทั้งกับบอตและกับมนุษย์
ปรับเรซูเม่ให้เหมาะกับแต่ละตำแหน่ง
เรซูเม่ที่มีการปรับให้ตรงกับงานแต่ละตำแหน่งนั้นทรงประสิทธิภาพที่สุด ลองใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนเรซูเม่แต่ละฉบับ โดยเพิ่มหรือลดคีย์เวิร์ดและทักษะให้ตรงกับที่ตำแหน่งนั้น ๆ ต้องการ แทนการหว่านเรซูเม่ฉบับเดียวสมัครงานหลายตำแหน่ง หลายบริษัท
วิธีข้างต้นนี้คือการปรับเรซูเม่ของคุณเพื่อให้ AI อย่าง ATS สามารถทำความเข้าใจมันได้ง่ายขึ้น เพื่อให้เรซูเม่และใบสมัครงานของคุณได้ผ่านไปสู่ขั้นตอนที่สำคัญกว่า นั่นคือการได้สัมภาษณ์กับ HR หรือ Recruiter จริง ๆ
ถ้าคุณอยากอัปเลเวลเรซูเม่ของคุณเพื่อไปให้ถึงขั้นนั้น GetLinks มี AI Career Coach ที่จะช่วยให้คำแนะนำในการเขียนเรซูเม่ให้กับคุณได้ คลิกที่ภาพแล้วลองไปใช้กันได้เลย