6 AI ที่ช่วยให้ HR ทำงานง่ายขึ้น

 

ณ ตอนนี้ แทบทุกคนน่าจะต้องเคยผ่านการใช้งาน AI มาแล้วไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาข้อมูล การแต่งรูป การแปลภาษา หรือการออกแบบ AI สามารถช่วยให้คุณทำสิ่งเหล่านี้ได้ง่ายขึ้นมาก ในพาร์ทของการทำงาน การนำ AI เข้ามาช่วย ถือว่าเป็น Checklist สำคัญที่จำเป็นสำหรับทุกบริษัทแล้ว เพราะมันไม่ได้แค่ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นเท่านั้น แต่มันยังช่วยลดต้นทุนได้มหาศาล และช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้

ถ้ามองในมุมของการสรรหา AI ก็มีบทบาทสำคัญในกระบวนการนี้เช่นกัน และปัจจุบันนี้ก็มีเทคโนโลยี AI ใหม่ ๆ เกิดขึ้น และเข้ามาช่วยยกระดับการสรรหาในหลาย ๆ ขั้นตอน ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น ลองมาดูไปพร้อม ๆ กัน

 

1. เรซูเม่เป็นพัน ไม่ถึงวัน AI จัดการให้

AI ช่วยคัดเรซูเม่ได้มากกว่า 100 ไฟล์ได้ภายในไม่กี่วินาที ช่วยแมตช์ผู้สมัครเข้ากับงานโดยคัดเลือกผู้สมัครที่มีโปรไฟล์ตรงตาม Job Description และคัดผู้สมัครที่ไม่ตรงออกไปโดยปราศจากอคติ นอกจากนั้นยังสามารถให้คะแนน หรือ Feedback เรซูเม่ได้ ทำให้ประหยัดเวลาในการคัดเลือก หรือตรวจทานเรซูเม่ได้มาก

การให้ AI ช่วยคัดเรซูเม่เหมาะกับบริษัทที่มีการจ้างงานจำนวนมาก บริษัทใหญ่อย่าง Unilever ก็ได้นำ AI เข้ามาใช้ในการคัดกรองเรซูเม่เบื้องต้น ผลลัพธ์คือช่วยลดระยะเวลาในกระบวนการจ้างงานไปได้ถึง 75% สำหรับบริษัทขนาดเล็ก หรือบริษัทสตาร์ตอัปมักมีทีม HR ที่ไม่ใหญ่มาก หรือบางทีอาจไม่มีเลย การใช้ AI ก็อาจเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะพนักงานสามารถไปโฟกัสงานอื่นที่มีความสำคัญมากกว่าได้ ปล่อยให้ AI ช่วยจัดการในส่วนนี้แทน

 

2. จับคู่ผู้สมัครกับงานที่ใช่

เป็น AI อีกรูปแบบที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมการจ้างงาน อัลกอริทึมของ AI จะช่วยวิเคราะห์โปรไฟล์ของผู้สมัคร และ Job Description ของตำแหน่งงานที่เปิดรับ แล้วแมตช์เข้ากับตัวเลือกที่ตรงที่สุด ซึ่ง AI ไม่ได้วิเคราะห์จาก Keywords เท่านั้น แต่ยังดูจากทักษะ ประสบการณ์ทำงาน สำนวนการเขียน ฯลฯ ด้วย

ข้อดีของการใช้ AI ช่วยในการจับคู่งานยังคนเป็นในเรื่องของการประหยัดเวลา และทรัพยากรบุคคล ซึ่งมีการสำรวจมาแล้วว่าสามารถลดเวลาในการจ้างงานได้ถึง 60% แต่สิ่งที่สำคัญอีกประการคือ เป็นการลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในการสรรหา เช่น การได้คนที่ไม่ตรง spec การขาดการติดต่อกับผู้สมัคร เป็นต้น

 

3. สัมภาษณ์งานรูปแบบใหม่กับ AI Interview

ประสบการณ์ใหม่ในการสัมภาษณ์งาน คือการสัมภาษณ์กับ AI โดยทางฝั่งบริษัทหรือนายจ้างสามารถตั้งชุดคำถามเกี่ยวกับตำแหน่งงานนั้น ๆ ป้อนให้กับ AI เมื่อทางผู้สมัครตอบคำถามกับ AI เสร็จ ก็จะทำการวิเคราะห์คำตอบ โทนเสียง สีหน้าท่าทาง และรายงานออกมาเป็นผลคะแนนเพื่อให้ทางนายจ้างทำการประเมินเบื้องต้น

ข้อดีของการสัมภาษณ์กับ AI คือ ช่วยลดความวุ่นวายในการจัดตารางนัดสัมภาษณ์ เพราะสามารถให้ผู้สมัครทำการสัมภาษณ์ได้ไม่ว่าจะเวลาไหน หรือที่ไหนก็ตาม รวมถึงลดอคติที่อาจเกิดขึ้น และยังช่วยประหยัดเวลาในการจ้างงานไปได้ถึง 40% จาก Case Study ของ Hilton ที่นำระบบการสัมภาษณ์งานด้วย AI มาใช้กับออฟฟิศทั่วโลกอย่างกว้างขวาง

 

4. ตัวช่วยในการ Onboarding

การทำให้พนักงานใหม่ประทับใจ เริ่มต้นจากการ Onboarding ที่ดี หลายบริษัทจึงมีการนำ AI มาช่วยในขั้นตอนนี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับพนักงานใหม่ตั้งแต่วันแรก โดย AI สามารถทำการ Onborading ได้แบบอัตโนมัติ สามารถช่วยจัดการเอกสาร ออกแบบแบบทดสอบ หรือแบบฝึกหัดก่อนเริ่มงาน และยังสามารถปรับให้เข้ากับตำแหน่งของพนักงานแต่ละคนได้

การ Onboarding แบบอัตโนมัติทำให้ HR ไม่จำเป็นต้องลงมามีส่วนร่วมในขั้นตอนนี้มากนัก เพราะ AI จะช่วยจัดการให้การ Onboarding เป็นไปอย่างราบรื่นตลอดจนจบขั้นตอน ทำให้พนักงานมีความประทับใจต่อบริษัท ส่งผลให้พนักงานมีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัทมากขึ้น นำไปสู่อัตราการลาออกของพนักงานที่ลดลง โดยสถิติจาก Deel บอกไว้ว่าการ Onboarding ที่ดีจะทำให้อัตราการรักษาพนักงานไว้กับบริษัทนั้นเพิ่มสูงถึง 82% อัตราการมีส่วนร่วมกับบริษัทของพนักงานเพิ่มขึ้น 54% และทำให้พนักงานมีความพอใจต่อบริษัทเพิ่มขึ้นถึง 18 เท่า

 

5. ใช้ AI ในการพยากรณ์

AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ได้แม่นยำกว่ามนุษย์หลายเท่า การวิเคราะห์ข้อมูลของพนักงาน เช่น ผลการปฏิบัติงาน เวลาเข้า-ออกงาน การมีส่วนร่วม ความพึงพอใจ ฯลฯ จึงเป็นเรื่องง่าย และข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ HR สามารถวิเคราะห์ได้ว่า พนักงานคนไหนมีแนวโน้มที่จะลาออก เพื่อทำการวางแผนและรับมือกับสถานการณ์นี้

การที่ต้องหาพนักงานใหม่มาแทนพนักงานเก่าที่ลาออกไป อาจทำให้บริษัทต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า การป้องกันไม่ให้เกิดเหตุหารณ์นี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ และยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของบริษัทอีกด้วย บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง IBM เองก็ได้มีการใช้ AI มาวิเคราะห์เรื่องนี้ ซึ่งสามารถทำนายการลาออกของพนักงานได้แม่นยำถึง 95% ทำให้บริษัทสามารถวางแผนรับมือในการรักษาพนักงานเอาไว้ได้

 

6. เรียนรู้ และพัฒนาตัวเองด้วย AI

การมีเส้นทางให้พนักงานได้พัฒนาทักษะที่จำเป็นในสายงานก็เป็นเรื่องสำคัญ การใช้ AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์ และช่วยจัดหาคอร์ส หรือเว็บบินาร์ที่เกี่ยวข้องกับงานที่ทำอยู่ ก็เป็นสิ่งที่หลาย ๆ บริษัทได้เริ่มดำเนินการเพื่อพัฒนาพนักงานแล้ว ตัวอย่างเช่น LinkedIn Learning ที่ใช้ AI ช่วยแนะนำเส้นทางในการเรียนรู้และเติบโตให้กับผู้ใช้งาน โดยวิเคราะห์จาก ตำแหน่งงาน ทักษะ พฤติกรรม ฯลฯ

เพราะนี่เป็นยุคที่มีการแข่งขันสูง และมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว การ Upskill และ Reskill จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม การส่งเสริมพนักงานในเรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่บริษัทควรใส่ใจให้มากขึ้น เพราะการที่พนักงานเก่งขึ้น นั่นหมายความว่าบริษัทก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากขึ้นเช่นกัน

จะเห็นได้ว่าถ้าบริษัทมีการนำ AI เข้ามาใช้งานอย่างชาญฉลาดแล้ว จะช่วยให้กระบวนการสรรหาเป็นไปอย่างรวดเร็ว ราบรื่น มีประสิทธิภาพขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายได้อย่างมหาศาล และช่วยให้บริษัทได้คนที่มีศักยภาพเข้ามาช่วยให้บริษัทประสบความสำเร็จ AI ไม่ได้เป็นเรื่องที่ไกลตัวอีกต่อไป ลองศึกษาเรียนรู้วิธีใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อตัวคุณเอง และคอยติดตามว่า GetLinks จะมีอะไรเกี่ยวกับ AI มา Surprise คอยดูเร็ว ๆ นี้ !

 

ที่มา: pesto.tech  I  deel.com

 

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x