รู้ทัน Recruiters ก่อนสัมภาษณ์: อะไรคือสิ่งที่ Recruiters ต้องการ + AI ช่วยได้อย่างไร
สำหรับผู้หางานบางรายอาจรู้สึกว่ากระบวนการสัมภาษณ์นั้นเป็นเหมือน “กล่องดำ” ที่มองไม่เห็นข้างใน แต่ถ้าคุณสามารถแอบดูเบื้องหลังได้ว่า Recruiters ทำอะไรบ้างในกระบวนการนี้ คุณอาจพบคำตอบว่า AI นี่แหละที่เป็นตัวหลัก ทีมสรรหายุคใหม่ใช้เครื่องมือ AI ที่ชาญฉลาดเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการ ขจัดงานจิปาถะ และเน้นสิ่งสำคัญที่ต้องทำจริง ๆ นั่นคือการหาคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับงานตำแหน่งนั้น ๆ การทำความเข้าใจว่าเครื่องมือเหล่านี้ทำงานอย่างไร จะช่วยให้คุณได้เปรียบอย่างมากในสัมภาษณ์ที่จะเกิดขึ้นถัดไป
AI ช่วย Recruiters ค้นหาคุณอย่างไร
ในมุมของ Recruiters เป้าหมายหลักของการนำ AI มาใช้คือการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการสรรหา การที่ต้องคัดกรองใบสมัครหลายร้อยหลายพันใบ เพื่อเลือกผู้สมัครที่ตรงสเปกไม่กี่คนด้วยมือตัวเองภายในระยะเวลาสั้น ๆ เป็นเรื่องที่เกือบเป็นไปไม่ได้ ตรงนี้เองที่ AI สามารถเข้ามาช่วยให้สิ่งต่าง ๆ ง่ายขึ้น โดยใช้เครื่องมือเหล่านี้
ระบบติดตามผู้สมัคร (Applicant Tracking Systems: ATS)
ด่านแรกที่จะช่วยคัดกรองผู้สมัครส่วนใหญ่ คือระบบติดตามผู้สมัคร หรือ ATS ซึ่งเป็นระบบ AI ที่จะสแกนเรซูเม่และจัดอันดับผู้สมัครว่ามีความตรงกันกับ Job Description ของงานแต่ละตำแหน่งขนาดไหน โดย AI จะมองหาคีย์เวิร์ด ทักษะ และผลงานต่าง ๆ ที่ผู้สมัครระบุไว้ในเรซูเม่ และหากเรซูเม่มีการจัดรูปแบบไม่ดี หรือขาดคีย์เวิร์ดสำคัญ ก็อาจถูกคัดออกไปในขั้นตอนนี้
การวิเคราะห์การสัมภาษณ์ผ่านวิดีโอ
แพลตฟอร์มวิดีโอ AI มักถูกนำมาใช้สำหรับการสัมภาษณ์รอบแรก โดยจะช่วยวิเคราะห์คำตอบของผู้สมัครจากการผ่านวิดีโอสัมภาษณ์ที่ถูกบันทึกไว้ AI จะไม่ได้แค่ฟังคำตอบที่ผู้สมัครพูดออกมาเท่านั้น แต่ยังประเมินโทนเสียง จังหวะการพูด การสบตา และการแสดงออกทางสีหน้าด้วย ซึ่งช่วยให้ผู้สัมภาษณ์ได้เห็นทักษะการในสื่อสารและความมั่นใจของผู้สมัครได้อย่างรวดเร็ว
แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้ผู้สมัครโดดเด่นทั้งในสายตาของ Recruiters และ AI
AI ทำได้อย่างยอดเยี่ยมในการการคัดกรองและคัดเลือกเบื้องต้น เป็นเครื่องมือที่ช่วยคัดกรองผู้สมัครให้แคบลง แต่ท้ายที่สุดแล้ว HR หรือผู้จัดการที่เป็นมนุษย์จริง ๆ ก็ยังเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายอยู่ดี การที่ต้องทำให้ตัวเองโดดเด่นเข้าตาทั้งกับ AI และกับมนุษย์เองนี่แหละคือสิ่งที่ท้าทาย
สำหรับ AI
สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการทำให้ตัวคุณถูกค้นหาได้ง่าย หมายความว่าเรซูเม่และโปรไฟล์ LinkedIn ของคุณต้องชัดเจน จัดรูปแบบดี และเต็มไปด้วยคีย์เวิร์ดที่ตรงกับ Job Description เช่น ถ้าตำแหน่งต้องการ “Senior Product Manager ที่มีประสบการณ์ Agile และ SaaS” ในเรซูเม่ของคุณก็ควรใช้คำนี้ตรง ๆ รวมถึงลิสต์ผลงานของคุณที่มีผลลัพธ์น่าพอใจและวัดผลได้ เช่น “เพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ขึ้น 15%”
สำหรับมนุษย์
เมื่อคุณผ่านการคัดกรองของ AI มาแล้ว การสัมภาษณ์ขั้นต่อไปคือโอกาสที่จะแสดงคุณลักษณะอื่น ๆ ที่ AI ไม่สามารถวัดได้ เช่น
ความฉลาดทางอารมณ์
แสดงให้เห็นว่าคุณทำงานร่วมกับคนอื่นได้ดี โดยเล่าถึงช่วงเวลาที่คุณร่วมงานในโปรเจกต์ต่าง ๆ มีวิธีโต้ตอบหรือต่อรองกับเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้างานอย่างไร
การคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา
นอกจากจะบอกถึงผลงานที่ประสบความสำเร็จของคุณที่ลิสต์ไว้ในเรซูเม่แล้ว อย่าลืมที่จะเล่ากระบวนการที่คุณใช้แก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนให้ฟังด้วย
ความเหมาะสมกับวัฒนธรรมองค์กร
Recruiters มองหาคนที่ไม่เพียงแค่ทำงานได้ดี แต่ยังมองหาคนที่สามารถเติบโตภายใต้วัฒนธรรมขององค์กรได้ อย่างไรก็ตาม จงเป็นตัวเองและแสดงให้เห็นว่าคุณสนใจบริษัทและตำแหน่งนั้นจริง ๆ
AI ทำให้การหางานมีประสิทธิภาพมากขึ้นทั้งสำหรับฝั่งผู้หางานและฝั่ง HR หรือ Recruiters สำหรับ Recruiters นั้น AI คือเครื่องมือที่ช่วยค้นหาผู้สมัครที่มีคุณสมบัติตรงตามต้องการได้เร็วขึ้น สำหรับผู้หางาน การใช้ AI ให้เป็นประโยชน์ เช่น ช่วยปรับโปรไฟล์หรือช่วยเตรียมพร้อมสำหรับการสัมภาษณ์ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานที่ต้องการให้สูงขึ้น แต่โปรดจำไว้ว่าผู้สมัครที่ดีที่สุดคือคนที่ใช้ความเป็นมนุษย์ ความคิดสร้างสรรค์ และแพสชันเพื่อสร้างความประทับใจสุดท้ายให้กับผู้จ้าง นั่นคือสิ่งที่ AI ไม่สามารถทดแทนได้
GetLinks เองก็มีการนำ AI มาใช้ในกระบวนการสรรหาเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับทั้งผู้สมัครและ HR เช่นกัน ลองใช้ GetLinks AI’s Resume Clinic และ Mock Interview ได้เลย